วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประยุทธ์ ฮึ่ม แจงงบเสียงกร้าว ตอกหน้า ก่อแก้ว โต้กลับปม ชายชุดดำ อัดต้องพูดกันในศาล



ประยุทธ์ ฮึ่ม แจงงบเสียงกร้าว ตอกหน้า ก่อแก้ว โต้กลับปม ชายชุดดำ อัดต้องพูดกันในศาล อย่าพูดนอกศาล เผย ชุดดำมี 14 คน ขอโทษสภาพูดเสียงดัง ลั่นขออย่าถามอีกเรื่อง ปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าว Mthai News รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวกลางที่ประชุม ชี้แจงงบประมาณว่า วันนี้มีคำถามที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบกหลายคำถาม กว่า 50 หัวข้อ ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจตนจึงอยากชี้แจงว่า ภารกิจของกองทัพมีทั้งการเตรียมกำลัง และการพัฒนากองทัพ รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ดังนั้นงบประมาณส่วนใหญ่ไปอยู่ภารกิจโดยตรงทางด้านการทหาร สิ่งที่อยากเรียนคือการที่เป็นทหารของประชาชนและทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นจอมทัพไทย การรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน แม้ว่างบประมาณจะมากหรือไม่มาก ประเทศไทยไม่เคยเสียดินแดน แม้ว่าบางเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลโลกก็ไม่เสีย วันนี้ประเทศชาติเปลี่ยนไป แต่กองทัพไม่เคยทำให้เสียดินแดน นี่คือผลผลิต หากเอาระเบียบของพลเรือนมา ก็สามรรถทำได้เพียง 2 ยุทธศาสตร์ ปัจจุบันที่ทำอยู่เกี่ยวกับการฝึก และ สวัสดิการ การเป็นอยู่ ยุทธปัจจัย การจัดซื้อต่าง ๆ อย่าพูดว่าทหารพูดว่าทุจริต ทหารทำตามสำนัก
นายกรัฐมนตรี อย่าพูดก่อน ถ้ารู้ว่าตรงไหนทุจริต แจงมา กองทัพบกมีกำลังพล เมื่อมีงบประมาณแค่นี้ท่านบอกว่ามาก  ทหารทำงานไม่ได้ไปจ้างคนอื่น ใช้คน 2.5แสนคน ทำงาน สิ่งที่เสียเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน ค่าน้ำมัน นอกจากนั้นเราทำให้หมด เราไม่ได้จัดซื้อจัดจ้าง ฉะนั้นทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และระเบียบราชพัสดุ  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าสำหรับงบประมาณเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองนั้น พยายามปลุกฝังความรักชาติ ส่วนกองทัพยุคใหม่ ต้องมองให้ชัดเจน ทุกเหล่าทัพตามหน้าที่และช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมกับลดกำลังพลให้น้อยลง  แต่หากเกิดภัยพิบัติหรืออะไรขึ้นทุกคนจะต้องช่วยกันรับผิดชอบ ส่วนเรื่องทหารพม่าจับกุมคนไทยนั้น ทางกองทัพบกก็พยายามเจรจากันอยู่ แต่ตนไม่อยากพูดให้เสียกำลังใจ เพราะมีประชาชนไม่เคารพกฎหมาย แต่ขณะนี้เร่งเจรจา มันผิดมากมาย
ตอนนี้พยายามพูดคุยจากเดิมมีการจับกุมไปกว่า 800 คน ตอนนี้เหลือประมาณ 90 คน เพราะมีอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมายมีการต่อสู้ ดังนั้นเมื่อคนไทยก็จะพยายามช่วยกัน ทหารทำตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ กระทรวงกลาโหมสั่งการมาให้เร่งดำเนินการ นายกรัฐมนตรี ก็สั่งการมาเช่นเดียวกัน ขณะนี้ถือว่ามีความก้าวหน้าไปตามลำดับ และในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ประธนาธิบดีพม่า ก็จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย  แต่ปัญหาขณะนี้มีปัญหาเรื่องอาวุธ ที่ผ่านมาทหารก็แจ้งเตือนไปแล้วแต่ก็ไม่ยอมฟังกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการชดเชยเบี้ยเลี้ยงกำลังพลนั้นในปีสำหรับทหารพรานขณะนี้ได้รับมา 120 บาทต่อวัน นายสิบได้วันละ 240 บาท นายทหารได้ 400 กว่าบาท  ชีวิตมีค่าเท่านี้ แต่ไม่บ่น เราทำให้ทุกอย่าง ถ้าให้มากกว่านี้ก็แฮ้ปปี้ ในส่วนของทหารพราน อยากถามว่าเป็นแรงงาน หรือ กรรมกรหรือไม่ ต้องเขียนให้ชัดว่าเบี้ยเลี้ยงทหารต้องได้ 300 บาทเท่ากันทั้งประเทศ ซึ่งถามว่ารัฐบาลจะรับไหวหรือไม่ เมื่อไม่ได้ก็ต้องว่ากันตามหลักการ ด้วยกติกา และกฎหมาย  ทหารอยู่ในกรอบกติกาอย่าไปดึงเขาลงมา อย่าไปล้างสมองว่าเขาต้องได้เท่าไหร่ ตนรักลูกน้อง เห็นใจเพราะเขาเป็นคนจน ส่วนการปล้นปืนที่กองพันพัฒนา ที่จ.นราธิวาส เมื่อปี 2547 นั้น กำลังติดตามอยู่ ได้คืนมาแล้ว 100 กว่ากระบอก ก็ต้องแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ส่วนข่าวปฏิวัติเรื่องนี้ไม่ต้องมาถามอีกแล้ว อย่าถามอีก อย่าพูดคำนี้อีก ไปถามคนพูด ผมไม่เคยพูด สำหรับเรื่องยุทโธปกรณ์ ในอาเซียนเราถือว่าเป็นกองทัพที่มีมากที่สุดในอาเซียน ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์ที่จัดหามาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น บางอย่างอายุ 40 ปี ส่วน ฮ. 100 ลำใช้มา 30 ปี ต้องมีการซ่อมบำรุง แต่เมื่อไม่มีงบประมาณตามวงรอบ ก็ไม่ได้ซ่อม ทำให้ส่วนที่เสียก็เสียเพิ่มขึ้น เมื่อปีงบประมาณใหม่ก็ต้องใช้งบประมาณซ่อมมากขึ้น” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการพูดถึงภัยคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น อยากให้เข้าใจว่าประเทศอยู่ด้วยกฎหมาย  ทหารไม่ได้ถือกฎหมาย แต่ตำรวจเป็นผู้ถือกฎหมาย แต่ทหารรับผิดชอบในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนรับผิดชอบเหมือนกันหมด ไม่ใช่เฉพาะทหาร ถ้ารู้ว่าใครพูดจาหมิ่นฯ ก็ไปแจ้งความ โดยมีคณะกรรมการฯ ของตำรวจ และ คณะกรรมการฯของกระทรวงยุติธรรม กรองอีกชั้นเพื่อให้ไปเป็นไปตามที่ทรงรับสั่งไว้ว่าไม่อยากให้เป็นปัญหาต่อประชาชน ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ
แต่ก็มีคนชั่วที่นำประโยชน์เหล่านี้ มาทำต่อเนื่อง ก็รู้อยู่แล้วว่ามีใครบ้าง สิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ก็ดำเนินคดีไปจำนวนมาก โดยทหาร ตำรวจ ยุติธรรม ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการฯ ได้ร่วมมือกันทำงาน ทั้งเว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งในประเทศ  นอกประเทศ มีหลักฐานรายชื่อทั้งหมด แต่ทหารจะทำเลยไม่ได้ก็ต้องส่งไปทางตำรวจดำเนินการ สิ่งที่สำคัญก็ต้องทำคือต้องห้ามปรามแก้ไข โดยมีรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้จึงตั้งคณะทำงานขึ้นมา ซึ่งคณะของเราก็ไปทำงานเชื่อมกับคณะกรรมการฯ ของรัฐบาล แต่คนทำงานมีแค่ไม่กี่คน ประมาณ 10 คน พิมพ์ทั้งวัน พอปิดตรงนี้ก็ไปเปิดตรงโน่น ซึ่งการปิดเว็บไซต์ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ไปปิด แต่ต้องไปขอคำสั่งศาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้เสนอกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือ ไอซีที ปิด 14 เว็บไซต์ 74,235 ยูอาร์แอล  ดำเนินคดีไปแล้ว103 ราย ไปพบปะพูดคุยไม่ให้ทำอีกกว่า 100 ราย เพราะไม่ต้องการใช้กฎหมายรุนแรงพร่ำเพรื่อ เพราะจะไปเข้าล็อคอีกว่าสถาบันฯเอากฎหมายไปปกป้องตัวเอง  ทุกอย่างละเอียดอ่อน ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำ ทุกเหล่าทัพทำเหมือนกันหมด ในทางเปิดก็ใช้การตอบโต้ในทางอินเตอร์เน็ต เมื่อปี 2544 เปิดพบ 8,000 ยูอาร์แอล ต่อเดือน จนปีนี้พบถึง 10,000 ยูอาร์แอล ต่อเดือน
ตราบใดที่มีการทะเลาะกันก็จะมากขึ้น ถ้าเลิกทะเลาะก็จะลดลง เมื่อมีการทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ ฝ่ายหนึ่งนำสถาบันมาปกป้อง อีกฝ่ายโจมตีสถาบัน ซึ่งพระองค์ท่านไม่เคยลงมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นคนล่างๆ ใต้ๆ สถาบัน แต่ที่พูดเพราะเขาก็รักสถาบัน  จึงตีกันไปเรื่อยๆ วิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคืออย่านำสถาบันลงมา อย่าพูดเรื่องสถาบัน ใครผิดก็ว่าไปตามผิด นำกฎหมายมาดำเนินการ เรื่องนี้ก็จบไป ทั้งนี้ผมคิดว่ามีงบประมาณหมื่นล้านก็แก้ไม่ได้ ถ้ายังทะเลาะกันอย่างนี้ และอย่าดึงท่านลงมา ผมยืนยันว่าท่านไม่เคยเกี่ยวข้องทุกเรื่อง สำหรับสถานีวิทยุชุมชน เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 37 สถานี ทุกคนมีคดีทั้งสิ้นแต่ขณะนี้ไปปิดไม่ได้ เพราะมี พรบ.วิทยุชุมชนอยู่ ส่วนที่กล่าวถึงชายชุดดำนั้น  ทั้งหมดมีอยู่  14 ราย ดำเนินคดี ตัดสินจำคุก 38 ปีก็มี ต้องไปสู้กันในศาล อย่าพูดกันนอกศาล”ผบ.ทบ. กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับงบฯปรองดองที่บรรจุอยู่ใน พรบ.งบประมาณนั้น ในส่วนของทหารก็ไม่อยากเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้ ต้องถามว่าใครจะปรองดองกับใคร คน  65 ล้านคนทะเลาะกันหมดหรือเปล่า ถ้าใช่ค่อยว่ากัน ถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปหา stakeholder หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดว่ามีใครบ้างที่ทะเลาะกันอยู่ ต้องแก้ไขให้ได้ แล้วค่อยเอาทหารไปร่วมกันอีกครั้ง ถ้านำทหารเข้าไปตอนนี้เท่ากันไปเพิ่มความขัดแย้งขึ้นมาอีก ก็จะมองว่าทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและความขัดแย้งทุกครั้งไป ก็ต้องไปเคลียร์กันให้ได้แล้วกัน แล้วมาบอกทหาร ซึ่งทหารพร้อมปฏิบัติทุกประการตามคำสั่งของรัฐบาล ทั้งนี้ต้องขออภัยทีต้องพูดเสียงดัง ไม่เช่นนั้นสมองไม่แล่น ในเรื่องงบประมาณ ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใครแต่จำเป็นที่ต้องพูดเช่นนี้เพราะลูกน้องฟังอยู่ ไม่เช่นนั้นก็สั่งลูกน้องไปทำงานไม่ได้ ถ้าตนไม่ปกป้องเกียรติยศ และ ศักดิ์ศรีของเขาและกองทัพบก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น